ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เตรียมออกสลากหน่วยละ 20 บาท สำหรับเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ได้ซื้อเก็บออมและได้ลุ้นรางวัลใหญ่สุงสุด 1 ล้าน ปีละ 2 ครั้ง ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจวงการสลลากออมทรัพย์ ผู้ที่ชอบออมและพร้อมกับการได้ลุ้นรางวัลไปด้วย เดือนละ 1 งวด รวม 3 ปี 36 งวด ทุกวันที่ 16 ของเดือน
เพื่อต้องการนำไปทดแทนการซื้อหวยใต้ดินของผู้มีรายได้น้อย โดยจะเริ่มขายตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 2562 ซึ่งตรงกับวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ที่ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ รวมถึงการเปิดจองแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile สลากออมทรัพย์ครั้งนี้ นับเป็นสลากฯที่ธ.ก.ส.ทำออกมาราคาถูกสุดนับตั้งแต่เคยมีมา เพราะต้องการให้เข้าไปสู้กับหวยใต้ดิน เนื่องจากผลศึกษาพฤติกรรมการออมและการซื้อหวยของคนไทยพบว่า ส่วนใหญ่นิยมซื้อครั้งละ 10และ20 บาทเยอะสุด จึงได้นําผลมาวิเคราะห์และจัดทำออกมาเป็นทางเลือกให้เปลี่ยนเงินซื้อหวยมาเป็นซื้อสลากฯ ซึ่งสามารถเก็บออมได้ด้วย เพราะถ้ายังคงขายสลากฯแบบเดิมหน่วยละ 100 บาท และ 500 บาท เกษตรกรรายย่อยก็ไม่มีกำลังเพียงพอที่จะซื้อ
สลากออมทรัพย์ชุดเกษตรยั่งยืน จะเป็นสลากแบบตราสารไร้ใบ หมายเลขหน้าสลาก 4 หลัก ออกหมายเลขแบบเรียงลําดับอัตโนมัติ 0000-9999 ราคาหน่วยละ 20 บาท มีอายุสลาก 3 ปี เมื่อครบกําหนดได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.10 บาทโดยมีการออกรางวัลเดือนละ 1 งวด รวม 3 ปี 36 งวด ซึ่งตรวจรางวัลกับเลขท้าย 4 ตัว ของผลรางวัลสลากทวีสิน ทุกวันที่ 16 ของเดือน หากไถ่ถอนก่อนกําหนดมีค่าธรรมเนียมหน่วยละ 20 บาท และไม่สามารถนำไปค้ำประกันเงินกู้ได้ สำหรับเงินรางวัล เลข 4 หลัก เท่ากับ 100% ของราคาสลาก และในงวดแรกหลังการฝาก หากถูกรางวัลได้รับโบนัสเพิ่ม 5 พันบาทต่อหน่วยเพิ่มอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการออกรางวัลพิเศษ 1 ล้านบาท อีกปีละ 2 ครั้ง ช่วงเดือนพ.ค.ในวันพืชมงคล และเดือนพ.ย.ซึ่งตรงกับวันสถาปนาธนาคาร โดยผู้ถูกรางวัลพิเศษนี้จะต้องถูกทั้งเลข 4 ตัว และเลขหมวดของสลากฯ
วัตถุประสงค์ของธ.ก.ส. เพื่อต้องผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อการออมและการลงทุนสําหรับเกษตรกรรายย่อยและผู้มีรายได้น้อย โดยนำเงินมาบริหารจัดการเงินนอกระบบสู่การออมในระบบ สร้างภูมิคุ้มกันในการลงทุนให้เกษตรกรรายย่อยและผู้มีรายได้น้อย พร้อมเป็นทุนการดําเนินงานของธนาคาร ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึงทิศทางผลดำเนินงานธนาคารปีบัญชี 2562 ซึ่งจะเริ่มเดือน เม.ย. 2562ว่า ตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 9.5 หมื่นล้านบาท โดยลูกค้าจะเน้นเติบโตในกลุ่มลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ลูกค้าชุมชน และสหกรณ์ ส่วนกลุ่มเกษตรจะเน้นปล่อยกู้เพื่อปรับเปลี่ยนการผลิต
โดยใช้ดอกเบี้ยผ่อนปรน เพื่อจูงใจให้เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนอาชีพระหว่างมีการพักชำระหนี้ ขณะเดียวกันมีแผนระดมเงินฝาก และออกสลากออมทรัพย์เข้ามาเพิ่มด้วย โดยปี 2562 จะมีเงินฝากเข้ามาเพิ่มประมาณ 6 หมื่นล้านบาท สำหรับแนวโน้มดอกเบี้ยในปี 2562
ธนาคารประเมินว่าหากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% จะยังคงตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ได้อยู่เท่าเดิม โดยธนาคารจะประเมินเป็นรายไตรมาสซึ่งปัจจุบันธนาคารคิดดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยกับลูกค้าทั้งหมดประมาณ 5% เศษๆ แต่เป็นเกษตรกรที่มีรายได้น้อยจะคิดต่ำกว่า 5% อีก แต่หากมีความจำเป็นธนาคารจะพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยลูกค้าเป็นรายกลุ่มแทน
เรียบเรียง 2benews